มือใหม่อยากซื้อกล้อง DSLR อ่านตรงนี้เลย !!
สำหรับบทความนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้มือใหม่ที่อยากเล่นกล้อง DSLR ได้อ่าน และได้ข้อคิดก่อนตัดสินใจซื้อกล้อง DSLR สักต...
https://9klong.blogspot.com/2014/04/dslr.html
สำหรับบทความนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้มือใหม่ที่อยากเล่นกล้อง DSLR
ได้อ่าน และได้ข้อคิดก่อนตัดสินใจซื้อกล้อง DSLR สักตัว
สำหรับผู้ที่มองหากล้อง DSLR อยู่ คงอยากรู้ว่าจะต้องเลือกกล้องรุ่นไหน
ยังไง ซื้อตัวไหนดีระหว่าง....กับ.....
ซึ่งคำถามเหล่านี้จะผุดขึ้นในหัวทุกครั้งของมือใหม่ที่กำลังลังเลและมองหา
กล้อง DSLR ดีๆสักตัวไว้ใช้งาน
นี่คือคำแนะนำในการคิดเลือกซื้อกล้อง DSLR ที่อยากจะแนะนำ เพราะไม่สามารถอธิบายเฉพาะเจาะจงเป็นยี่ห้อหรือรุ่นได้หมด และไม่สามารถฟันธงได้ว่ายี่ห้อไหนดีกว่ายี่ห้อไหนได้ ซึ่งหลายท่านเองมักจะมีคำถามคล้ายๆกันว่า Canon หรือ Nikon ดีกว่ากัน เป็นต้น (จริงๆแล้วยังมีอีกหลายยี่ห้อ เช่น Sony Pentax)
1. ถามตัวเองก่อนว่า พร้อมจะใช้ DSLR หรือยัง เพราะหากคุณเป็นมือใหม่จริงๆที่ไม่เคยจับกล้อง DSLR และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องถ่ายภาพ ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้ DSLR แม้กล้อง DSLR จะช่วยให้ได้ภาพสวยมากๆก็จริง แต่ความสวยนั้นต้องแลกมาด้วยราคาและที่สำคัญ "ไม่ง่ายอย่างที่คิด" แน่ นอนว่าคุณต้องเสียเงินเพื่อแลกกับสารพัดเลนส์ที่ช่วยให้เก็บภาพได้ตามที่ ต้องการ เลนส์มาโครสำหรับถ่ายแมลง ถ่ายดอกไม้ ราคาไม่ต่ำกว่าหมื่น หากอยากถ่ายวิวกว้างๆ ต้องซื้อเลนส์มุมกว้างซึ่งราคากว่า2หมื่น ยังไม่นับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น แฟลช กระเป๋า เมมโมรี่การ์ด แถมคุณยังต้องมางงกับสารพัดเมนูที่กล้อง DSLR อาจทำให้กลายเป็นกล้องที่ถ่ายแล้วไม่สวยก็เป็นได้ ดังนั้นถามตัวเองว่าพร้อมแล้วใช่ไหมสำหรับการเล่นกล้อง DSLR หากคุณพร้อมแล้วที่จะใช้กล้อง DSLR และเป็นมือใหม่ที่พร้อมเรียนรู้ อ่านข้อต่อไปได้เลย
3. เลือกรุ่นตามงบประมาณที่ได้กำหนดไว้ กำตังค์ไว้ให้ดีแล้วจัดการหาข้อมูลว่ามีกล้องรุ่นใดบ้างที่อยู่ในงบประมาณ ที่วางไว้ จะซื้อเลนส์หรืออุปกรณ์เสริมอื่นด้วยหรือเปล่า (แต่มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะมองหาแค่กล้องกับเลนส์คิทสักตัวก็บอกว่าพอแล้ว) แหล่งข้อมูลในปัจจุบันมีทั้ง อินเทอร์เน็ต นิตยสาร โบรชัวร์ เพื่อนๆรอบข้างที่พอมีความรู้หรือลองไปดูที่ร้านเลยก็ได้ จากนั้นจัดการรวบรวมรุ่นที่อยู่ในงบประมาณมาลองดูว่ามีรุ่นไหนบ้าง เช่นงบซื้อเฉพาะบอดี้กล้องไม่เกิน 30,000 บาท ลองดูว่ามีรุ่นไหนที่ราคาไม่เกินงบในกระเป๋าแล้วจดออกมา
5. ไปลองจับตัวจริง แนะนำแบบนี้เพราะว่าคุณจะรู้สึกได้เลยว่าถูกชะตากับตัวไหน แถมได้รู้ด้วยว่าร้านไหนต้อนรับและมองคุณเป็นลูกค้ามากกว่าเป็นหมูให้ฟัน หรือบางร้านอาจจะไม่แยแส ถามคำตอบคำ แบบนี้อย่าหวังเรื่องบริการหลังการขายเลย การได้ลองตัวจริงคุณจะได้รู้ว่าจับถือถนัดมือหรือไม่ ปุ่มกดต่างๆใช้ง่ายหรือไม่ หรือหน้าตาตัวไหนถูกใจ เรียกว่ากล้องตัวไหนจับแล้วรู้สึกว่ามันกำลังยิ้มให้คุณ เลือกตัวนั้นแหละ เนื้อคู่กันแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ดูมาแล้วทั้งสเป็กทั้งราคา เหลือแค่สัมผัสตัวเป็นๆนี่แหละ
นี่คือคำแนะนำในการคิดเลือกซื้อกล้อง DSLR ที่อยากจะแนะนำ เพราะไม่สามารถอธิบายเฉพาะเจาะจงเป็นยี่ห้อหรือรุ่นได้หมด และไม่สามารถฟันธงได้ว่ายี่ห้อไหนดีกว่ายี่ห้อไหนได้ ซึ่งหลายท่านเองมักจะมีคำถามคล้ายๆกันว่า Canon หรือ Nikon ดีกว่ากัน เป็นต้น (จริงๆแล้วยังมีอีกหลายยี่ห้อ เช่น Sony Pentax)
1. ถามตัวเองก่อนว่า พร้อมจะใช้ DSLR หรือยัง เพราะหากคุณเป็นมือใหม่จริงๆที่ไม่เคยจับกล้อง DSLR และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องถ่ายภาพ ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้ DSLR แม้กล้อง DSLR จะช่วยให้ได้ภาพสวยมากๆก็จริง แต่ความสวยนั้นต้องแลกมาด้วยราคาและที่สำคัญ "ไม่ง่ายอย่างที่คิด" แน่ นอนว่าคุณต้องเสียเงินเพื่อแลกกับสารพัดเลนส์ที่ช่วยให้เก็บภาพได้ตามที่ ต้องการ เลนส์มาโครสำหรับถ่ายแมลง ถ่ายดอกไม้ ราคาไม่ต่ำกว่าหมื่น หากอยากถ่ายวิวกว้างๆ ต้องซื้อเลนส์มุมกว้างซึ่งราคากว่า2หมื่น ยังไม่นับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น แฟลช กระเป๋า เมมโมรี่การ์ด แถมคุณยังต้องมางงกับสารพัดเมนูที่กล้อง DSLR อาจทำให้กลายเป็นกล้องที่ถ่ายแล้วไม่สวยก็เป็นได้ ดังนั้นถามตัวเองว่าพร้อมแล้วใช่ไหมสำหรับการเล่นกล้อง DSLR หากคุณพร้อมแล้วที่จะใช้กล้อง DSLR และเป็นมือใหม่ที่พร้อมเรียนรู้ อ่านข้อต่อไปได้เลย
2. เตรียมงบประมาณ
เมื่อพร้อมแล้วที่จะเอาดีและรักการถ่ายภาพจริงๆ
หรือมีเงินเหลือใช้แล้วอยากได้กล้อง DSLR ไว้สะพายสักตัว
ขอให้คุณเตรียมงบไว้เลยว่ามีงบเท่าไรที่จะลงทุนซื้อกล้อง DSLR สักตัว
แต่ที่แน่ๆถ้าเป็นของใหม่ออกห้างแน่นอนว่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น
(ซึ่งมือใหม่น้อยคนนักที่จะกล้าไปซื้อมือสองมาใช้)
ดังนั้นเตรียมเงินในกระเป๋าไว้เลย และที่จะแนะนำต่อไปคือ เตรียมแค่ 2 หมื่น
อาจจะไม่เพียงพอสำหรับโครงการกล้องตัวแรก เพราะคุณจะต้องซื้อฟิลเตอร์
ซื้อกระเป๋ากล้องมาอีกต่างหาก (ร้านค้าส่วนใหญ่ จะแถมฟิล์มกันรอย
เมมโมรี่การ์ด ชุดทำความสะอาด หรือแม้แต่ขาตั้งกล้องที่ใช้จริงไม่ได้มาให้)
เจียดงบส่วนต่างไว้อีกสัก 1000 บาทขึ้นไปสำหรับอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ด้วย
สุดท้ายคือของดีย่อมมาพร้อมกับราคาที่แพงกว่า
ขึ้นอยู่กับว่าซื้อมาแล้วได้ใช้เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า
3. เลือกรุ่นตามงบประมาณที่ได้กำหนดไว้ กำตังค์ไว้ให้ดีแล้วจัดการหาข้อมูลว่ามีกล้องรุ่นใดบ้างที่อยู่ในงบประมาณ ที่วางไว้ จะซื้อเลนส์หรืออุปกรณ์เสริมอื่นด้วยหรือเปล่า (แต่มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะมองหาแค่กล้องกับเลนส์คิทสักตัวก็บอกว่าพอแล้ว) แหล่งข้อมูลในปัจจุบันมีทั้ง อินเทอร์เน็ต นิตยสาร โบรชัวร์ เพื่อนๆรอบข้างที่พอมีความรู้หรือลองไปดูที่ร้านเลยก็ได้ จากนั้นจัดการรวบรวมรุ่นที่อยู่ในงบประมาณมาลองดูว่ามีรุ่นไหนบ้าง เช่นงบซื้อเฉพาะบอดี้กล้องไม่เกิน 30,000 บาท ลองดูว่ามีรุ่นไหนที่ราคาไม่เกินงบในกระเป๋าแล้วจดออกมา
4. อ่านสเป็คให้เป็นก่อน
มือใหม่หลายท่านมักจะตั้งคำถามว่ารุ่นนี้ดีกว่าอีกรุ่นอย่างไร
นี่เป็นเพราะว่าคุณเลือกรุ่นได้แล้วที่อยู่ในงบประมาณ
แต่ไม่รู้ว่ามันต่างกันอย่างไร ทำไมอีกตัวแพงกว่าแค่ 2 พัน
อีกยี่ห้อราคาเท่ากัน แล้วแบบนี้จะเลือกอย่างไรล่ะ มันต่างกันตรงไหนบ้าง
ฉะนั้นคุณต้องอ่านสเป็คให้เป็นก่อนซื้อและขอบอกเลยว่าไอ้เจ้าสเป็คนี่แหละทำ
เอาปวดหัวเพราะมันจะสาธยายเป็นตัวเลขและศัพท์แปลกๆที่ไม่รู้ว่าจะช่วยให่เรา
ได้รูปสวยๆจริงหรือเปล่า
การอ่านสเป็คจะเป็นสิ่งที่ช่วยตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง เช่น
ที่ราคามันต่างกัน เพราะว่า มันมีหน้าจอบิดพับได้ ใช้แฟลชไร้สายได้
พร้อมแต่งภาพในตัวกล้องได้เลย เป็นต้น
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่ากล้องตัวนั้นตกรุ่นราคามันเลยเท่ากับรุ่นเล็กที่
ออกมาใหม่
ดังนั้นแนะนำได้เลยว่าหาความรู้เกี่ยวกับการอ่านสเป็คไว้ก่อนซื้อกล้องไม่
เสียหาย ส่วนเรื่องค่ายกล้องนั้น
ต้องบอกว่าแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นของตัวเอง
ฉะนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณชื่นชอบยี่ห้อไหนเป็นทุนเดิมอยู่หรือเปล่า
ยังไม่หมดนะ
ยังไม่รวมถึงการคิดเผื่ออนาคตเมื่อต้องการอัพเกรดหรือซื้ออุปกรณ์เพิ่ม
รวมถึงราคาขายต่อ (เหตุผลที่คุณเห็น Nikon และ Canon
เดินกันเกลื่อนเมืองก็เพราะซื้อง่ายขายคล่องนี่แหละ
ยังไม่รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่หาง่าย มีให้เลือกหลากหลายกว่ายี่ห้ออื่นๆ)
5. ไปลองจับตัวจริง แนะนำแบบนี้เพราะว่าคุณจะรู้สึกได้เลยว่าถูกชะตากับตัวไหน แถมได้รู้ด้วยว่าร้านไหนต้อนรับและมองคุณเป็นลูกค้ามากกว่าเป็นหมูให้ฟัน หรือบางร้านอาจจะไม่แยแส ถามคำตอบคำ แบบนี้อย่าหวังเรื่องบริการหลังการขายเลย การได้ลองตัวจริงคุณจะได้รู้ว่าจับถือถนัดมือหรือไม่ ปุ่มกดต่างๆใช้ง่ายหรือไม่ หรือหน้าตาตัวไหนถูกใจ เรียกว่ากล้องตัวไหนจับแล้วรู้สึกว่ามันกำลังยิ้มให้คุณ เลือกตัวนั้นแหละ เนื้อคู่กันแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ดูมาแล้วทั้งสเป็กทั้งราคา เหลือแค่สัมผัสตัวเป็นๆนี่แหละ
6. รับประกันหลังการขาย
เนื่องจากปัจจุบันกล้อง DSLR มีการขายที่เรียกกันว่าประกันร้าน
ประกันศูนย์
กล้องที่เรียกว่าประกันร้านนั่นก็คือกล้องที่ไม่มีการรับประกันจากบริษัทที่
นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
บางครั้งก็เรียกกันว่ากล้องหิ้วเพราะเปิดกล่องออกมาต้องผงะกับใบรับประกัน
ภาษาฮิบรู แถมคู่มือการใช้งานยังเป็นภาษาฮิบรูด้วยอีกต่างหาก
ยังไม่พอครับถ้าแจ็กพ็อตอาจได้กล้องที่มีแต่ภาษาอังกฤษกับภาษาฮิบรู
แสดงว่าต้องหิ้วมาจากที่ไหนสักแห่งในโลกแน่ๆมันจึงพูดไทยไม่เป็น
ส่วนของประกันศูนย์นั้นจะต้องมีใบรับประกันที่ออกโดยตัวแทนจำหน่ายในประเทศ
ไทย ส่วนใหญ่มีคู่มือภาษาไทย และกล้องเองมีเมนูภาษาไทยด้วย
(แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยน่าซีเรียสสำหรับกล้องรุ่นใหม่ๆเพราะมีให้เลือก
แทบทุกภาษาไม่ว่าจะกล้องประกันร้านหรือประกันศูนย์) สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ
กล้องประกันร้านราคาถูกกว่า
แต่เอาเข้าศูนย์บริการในเมืองไทยแล้วถือว่าไม่อยู่ในประกัน
คุณต้องเอากล้องตัวนั้นไปเคลมกับร้านที่ซื้อมาเท่านั้น
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีบริการหลังการขายดีแค่ไหน)
อยู่ที่การตัดสินใจของคุณว่าจะประหยัดเงินแล้วเสี่ยงดวง หรือ
ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อความอุ่นใจ
แต่สำหรับมือใหม่ขอแนะนำซื้อประกันศูนย์สบายใจกว่าครับ
7. ก่อนซื้อใจเย็นๆแล้วรอดูโปรโมชั่น
นอกเสียจากว่าคุณรีบร้อนต้องซื้อวันนี้ เดี๋ยวนี้
เพราะราคาแต่ละร้านแม้ว่าจะเป็นประกันศูนย์ก็สามารถต่อรองได้นิดหน่อยถ้า
จ่ายด้วยเงินสด หรืออาจจะมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตที่ให้ผ่อน 0%
ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน
และที่น่าสนใจก็คือหากมีการจัดงานมหกรรมลดราคาต่างๆ
นอกเหนือจากราคาที่ถูกกว่าปกติ
ยังได้ของแถมมากมายแถมมีลุ้นชิงโชคอีกต่างหาก
บางคนเคยได้กล้องราคาเท่าประกันร้านแถมได้ของแถมติดไม้ติดมือเยอะแยะ
ยังไม่พอผ่อน 0% ได้แล้วเอาแต้มในบัตรเครดิตไปแลกของได้อีก เยอะจริงๆ
กำเงินไว้แน่นๆ อย่าให้กิเลสครอบงำจนหน้ามืดไปคว้าของแพงมา
เช็คราคาหลายๆร้านไว้ด้วยก่อนตัดสินใจ
สำหรับงานมหกรรมลดราคาที่น่าสนใจก็เช่น งาน Powerbuy หรือไม่ก็งาน Photo
Fair เป็นต้น
8. ซื้อมาแล้วต้องหมั่นศึกษาหาความรู้
หากจะเอาจริงเอาจังกับกล้อง DSLR เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะใช้กล้อง DSLR
ถ่ายรูปไม่สวย โฟกัสไม่เข้า เบลอ วัดแสงผิด ใช้กล้องคอมแพ็กหรือกล้อง
DSLR-Like ยังจะถ่ายสวยกว่า นอกจากนี้คุณจะต้องรักการถ่ายรูป
ไปเที่ยวก็ถ่ายรูป ออกทริปเข้าสังคมก็เพื่ออยากถ่ายรูป เข้าเว็บ TechXcite
มาอ่านบทความนี้ก็เพราะชอบเรื่องกล้องถ่ายรูป
แล้วเตรียมใจไว้เลยว่าคุณจะต้องมีอุปกรณ์งอกเงยขึ้นมาแน่นอนถ้าไม่เบื่อไป
เสียก่อน ^_^